อาจเป็นเพราะใน HD properties ถูกเซ็ทให้ Enable write Caching on the disk ซึ่งการเซ็ทในลักษณะนี้จะเพิ่มศักยภาพการทำงานของ HD ให้ดีขึ้น แต่เมื่อไหร่ที่มีไฟตก หรือ อุปกรณ์ เช่น UPS เสียหรือมีปัญหาอาจทำให้ข้อมูลสูญหายได้ ถ้ากลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขอแนะนำให้ไปเอา Setting นี้ออก โดยไปที่ Device Manager (คลิกขวาที่ My Computer --> Manage) เข้า
ไปที่ Disk Drives คลิ๊กขวาที่ Harddisk เลือก Properties --> Policies แล้วเอาติ๊กข้างหน้า Enable write Caching on the disk ออก แล้วคลิ๊ก OK เท่านี้ก็จะไม่มี warning message ขึ้นมาให้กวนใจอีก
หากอาการนี้ไม่หายให้สงสัยไว้ได้ในอีกหนึ่งกรณี คือ HDD ของท่านกำลังจะลาไปแล้ว
วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
การแสดง title แต่ละหน้าของ maxsite ให้สัมพันธ์กับเนื้อหา
การแสดง title แต่ละหน้าของ maxsite ให้สัมพันธ์กับเนื้อหา สไตล์ narongrit.net
ผมเคยอ่านเจอกระทู้เก่าๆ เกี่ยวกับการแสดง title ให้แตกต่างกันโดยใช้โครง maxsite นี้ ซึ่งถ้าจำไม่ผิด จะต้องเพิ่มไฟล์อีกหลายๆ ไฟล์ และต้องมีการปรับยกใหญ่เลย
ก็เลยเกิดไอเดียว่าน่าจะมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น จนเกิดเป็นการปรับแต่งดังที่ผมจะบอกเล่าต่อไปนี้ครับ
ไอเดียผมก็คือว่า ปรับแค่ไฟล์เดียวเลย คือ index.php ที่ path หลักแต่อาศัยดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลมาแสดงเพื่อให้ title กับเนื้อหาสัมพันธ์กัน โดยใช้ id และ name เป็นตัวแปรในการเชื่อมโยง
มาเริ่มวิธีการกันเลยครับ
1. เปิดไฟล์ index.php ที่ path หลักนะครับ ซึ่งเป็นไฟล์ที่คลุมหน้าโมดูลต่างๆ เอาไว้
2. เพิ่มโค้ดดังบรรทัดข้างล่างนี้เข้าไป
เอาไว้้ต่อจากบรรทัด GETMODULE($_GET[name],$_GET[file]);
ตัวอย่างด้านบนนี้ ผมยกมาแค่ 2 โมดูลนะครับ หากมีอื่นๆ อีก เช่น ดาวน์โหลด หรือสมาชิก ก็ต้องเพิ่มโค้ดคล้ายๆ กันเข้าไป คือ
สำหรับโค้ด elseif นี้ผมแนะนำให้หาอ่านหนังสือ หรือจากเวบต่างๆ ว่าใช้งานยังไง จะวางตรงไหนนะครับ เพราะน่าจะเข้าใจได้ดีกว่าที่ผมอธิบาย
3. ยังไม่จบครับ สำหรับการแสดงผลในส่วนของ title เวบนั้น ก็ต้องเพิ่มโค้ดนี้เข้าไป จากเดิมคือ <TITLE><?=WEB_TITLE;?></TITLE>
ก็แก้ให้เป็นดังนี้ครับ
จากนั้นก็ลองทดสอบผลได้เลยครับ
ลองสังเกตุจากตัวอย่างเวบผมนี้นะครับ แต่ละหน้าแต่ละโมดูล ข้อความที่ title จะแตกต่างกัน และถ้าคลิกเข้าไปดูบทความหรือกระทู้ต่างๆ ก็จะมีการแสดงหัวข้อของกระทู้หรือบทความนั้นๆ บน web title ด้วย
หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์ต่อหลายๆ ท่านนะครับ มีข้อสงสัย สอบถามได้ที่เวบบอร์ดนะครับ
เขียนและเรียบเรียงโดย
คุณฉุย เว็บ http://www.narongrit.net/
ปรับปรุงเมื่อ 25/2/2552
ผมเคยอ่านเจอกระทู้เก่าๆ เกี่ยวกับการแสดง title ให้แตกต่างกันโดยใช้โครง maxsite นี้ ซึ่งถ้าจำไม่ผิด จะต้องเพิ่มไฟล์อีกหลายๆ ไฟล์ และต้องมีการปรับยกใหญ่เลย
ก็เลยเกิดไอเดียว่าน่าจะมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น จนเกิดเป็นการปรับแต่งดังที่ผมจะบอกเล่าต่อไปนี้ครับ
ไอเดียผมก็คือว่า ปรับแค่ไฟล์เดียวเลย คือ index.php ที่ path หลักแต่อาศัยดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลมาแสดงเพื่อให้ title กับเนื้อหาสัมพันธ์กัน โดยใช้ id และ name เป็นตัวแปรในการเชื่อมโยง
มาเริ่มวิธีการกันเลยครับ
1. เปิดไฟล์ index.php ที่ path หลักนะครับ ซึ่งเป็นไฟล์ที่คลุมหน้าโมดูลต่างๆ เอาไว้
2. เพิ่มโค้ดดังบรรทัดข้างล่างนี้เข้าไป
เอาไว้้ต่อจากบรรทัด GETMODULE($_GET[name],$_GET[file]);
01 | if ( $_GET [ 'name' ]== 'index' ) { $showtitle = 'Narongrit.net [ปี2] : หน้าแรก' ;} |
02 | elseif ( $_GET [ 'name' ]== 'knowledge' ) { $showtitle = 'Narongrit.net : บทความ' ; |
03 | //ดึงข้อมูลกระทู้ |
04 | $db ->connectdb(DB_NAME,DB_USERNAME,DB_PASSWORD); |
05 | $Explainselect = $db ->fetch( $db ->select_query( "SELECT * FROM " .TB_KNOWLEDGE. " WHERE id = '" . $_GET [id]. "' " )); |
06 | $db ->closedb (); |
07 | if ( $_GET [id]){ |
08 | $explain = " เรื่อง " . $Explainselect [topic]. "" ; } |
09 | else { $explain = '' ;} |
10 | } |
11 | elseif ( $_GET [ 'name' ]== 'webboard' ) { $showtitle = 'Narongrit.net [ปี2] : เวบบอร์ด' ; |
12 | $db ->connectdb(DB_NAME,DB_USERNAME,DB_PASSWORD); |
13 | $Explainselect = $db ->fetch( $db ->select_query( "SELECT * FROM " .TB_WEBBOARD. " WHERE id = '" . $_GET [id]. "' " )); |
14 | $db ->closedb (); |
15 | if ( $_GET [id]){ |
16 | $explain = " เรื่อง " . $Explainselect [topic]. "" ; } |
17 | else { $explain = '' ;} |
18 | } |
19 | elseif ( $_GET [name]== "aboutus" ) { $showtitle = "ข้อความเกี่ยวกับเรา" ;} |
20 | elseif ( $_GET [name]== "calendar" ) { $showtitle = "ปฏิทินกิจกรรม" ;} |
21 | else { $showtitle = "ข้อความอื่นๆ ที่ไม่เข้าเงื่อนไขใดๆ" ; } |
1 | elseif ( $_GET [ 'name' ]== 'webboard' ) { $showtitle = "ข้อความหรือชื่อโมดูล" '; |
2 | $db ->connectdb(DB_NAME,DB_USERNAME,DB_PASSWORD); |
3 | $Explainselect = $db ->fetch( $db ->select_query( "SELECT * FROM " .ชื่อตารางที่อ้างอิง. " WHERE id = '" . $_GET [id]. "' " )); |
4 | $db ->closedb (); |
5 | if ( $_GET [id]){ |
6 | $explain = " เรื่อง " . $Explainselect [topic]. "" ; } |
7 | else { $explain = '' ;} |
8 | } |
3. ยังไม่จบครับ สำหรับการแสดงผลในส่วนของ title เวบนั้น ก็ต้องเพิ่มโค้ดนี้เข้าไป จากเดิมคือ <TITLE><?=WEB_TITLE;?></TITLE>
ก็แก้ให้เป็นดังนี้ครับ
1 | <title><? echo "" . $showtitle . "" . $explain . "" ;?></title> |
ลองสังเกตุจากตัวอย่างเวบผมนี้นะครับ แต่ละหน้าแต่ละโมดูล ข้อความที่ title จะแตกต่างกัน และถ้าคลิกเข้าไปดูบทความหรือกระทู้ต่างๆ ก็จะมีการแสดงหัวข้อของกระทู้หรือบทความนั้นๆ บน web title ด้วย
หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์ต่อหลายๆ ท่านนะครับ มีข้อสงสัย สอบถามได้ที่เวบบอร์ดนะครับ
เขียนและเรียบเรียงโดย
คุณฉุย เว็บ http://www.narongrit.net/
ปรับปรุงเมื่อ 25/2/2552
วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
วิธีการ Set Default ให้ Arcview GIS รู้จักภาษาไทย
วิธีการ Set Default ให้ Arcview GIS รู้จักภาษาไทย
Set Default ให้ Arcview GIS รู้จักภาษาไทย
ตอนไปฝึกอบรมเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและแกนนำชุมชนในพื้นที่หรือสอนนักศึกษาเกี่ยวกับการใช้โปรแกรม Arcview GIS ให้แสดงข้อมูลในช่องสารบัญชั้นข้อมูล(Table of Content :TOC) จากฐานข้อมูลที่เป็นภาษาไทยเจอคำถามทำไมของเครื่องที่เขาใช้เป็นภาษาต่างด้าว ไม่เหมือนกับในจอที่ฉายจาก LCD ของวิทยากรเลย ก็เครื่องของผมได้ Set Default โปรแกรมรู้จักภาษาไทยแล้วครับ (ก็อยากจะให้เขา Set เป็น กลับไปได้ใช้งานได้สะดวก)วิธีการ ไม่ยากครับ s = TxSym.Make s.SetFont(NFont.Make("AngsanaUPC","Bold")) s.SetSize(18) TOC.SetDefaultSymbol(s)
' ArcView's startup file, which runs before default.apr is read. ' Check for a valid project workspace -- the directory must be writable. haveHOMEPath = false for each var in {"HOME", "TEMP", "CWD", "AVHOME"} path = System.GetEnvVar(var) if (path <> NIL) then if (File.Exists(path.AsFileName) and File.IsWritable(path.AsFileName)) then System.SetEnvVar("HOME", path) haveHOMEPath = true break end end endif (Not haveHOMEPath) then MsgBox.Warning("Cannot find a writable project directory. Please set environment variable HOME to a writable directory.", "") end' Check for a valid TEMP under Windows -- let user know if it is not set. ' Required for themes based on TXT type annotation and for editing. if (system.GetOS = #SYSTEM_OS_MSW) then haveTEMPPath = false for each var in {"TEMP", "HOME", "CWD", "AVHOME"} path = System.GetEnvVar(var) if (path <> NIL) then if (File.Exists(path.AsFileName) and File.IsWritable(path.AsFileName)) then System.SetEnvVar("TEMP", path) haveTEMPPath = true break end end end if (Not haveTEMPPath) then MsgBox.Warning("Cannot find TEMP directory. Please set environment variable TEMP to a writable directory.", "") end end' Check for a valid TMPDIR under UNIX. if (system.GetOS = #SYSTEM_OS_UNIX) then home = System.GetEnvVar("HOME") if (Not (File.IsWritable(home.AsFileName))) then path = System.GetEnvVar("TMPDIR") if (path <> NIL) then if (Not (File.Exists(path.AsFileName) and File.IsWritable(path.AsFileName))) then MsgBox.Warning("TMPDIR directory " + path.AsString + " is not writable . " + "Please set environment variable TMPDIR to a writable directory.", "") end else System.SetEnvVar("TMPDIR","/tmp") end end endMsgBox.Banner("$AVHOME/etc/banner".AsFileName, 1, "") av.SetName("ArcView GIS 3.3 ")avExt = FN.Make("$AVHOME") avExt.MergePath("ext") System.SetEnvVar("AVEXT", avExt.GetFullName)avBin = FN.Make("$AVHOME") avBin.MergePath("bin") System.SetEnvVar("AVBIN", avBin.GetFullName)' ' The USEREXT variable is used by the extension manager dialog. ' That dialog looks for additional extensions in the directory specified by ' it. You can change it's value if you want to keep additional extensions in ' some other location. ' if (System.GetEnvVar("USEREXT") = NIL) then System.SetEnvVar("USEREXT", System.GetEnvVar("HOME")) end ' ' The default font size used by ArcView's script editor is approximately ' 14 pt (courier). That font size is identified by the enumeration element ' #SED_FONTSIZE_MEDIUM. You can use the elements #SED_FONTSIZE_SMALL ' or #SED_FONTSIZE_LARGE to make the default font size smaller (12 pt) ' or larger (14 pt). SEd.SetDefaultFontSize(#SED_FONTSIZE_SMALL)if (system.GetOS = #SYSTEM_OS_MSW) then Script.Make("DDEServer.Start").DoIt(NIL)if (system.GetOSVariant = #SYSTEM_OSVARIANT_MSW16) thenSystem.SetEnvVar("AVBIN", System.GetEnvVar("AVHOME")+"\bin16") System.SetEnvVar("AVEXT", System.GetEnvVar("AVHOME")+"\ext16")if (FN.FindInSystemSearchPath("winsock.dll") <> nil) then System.LoadLibrary("$AVBIN/avrpc.dll".AsFileName) end System.LoadLibrary("$AVBIN/avexec.dll".AsFileName)else 'for WinNT and Win95System.SetEnvVar("AVBIN", System.GetEnvVar("AVHOME")+"\bin32") System.SetEnvVar("AVEXT", System.GetEnvVar("AVHOME")+"\ext32")if (FN.FindInSystemSearchPath("wsock32.dll") <> nil) then System.LoadLibrary("$AVBIN/avrpc.dll".AsFileName) end end 'MSW16 case end 'MSW case' ' Load the Shapes.dll if (system.GetOS = #SYSTEM_OS_MSW) then System.LoadLibrary("$AVBIN/shapes.dll".AsFileName) end 'MSW case if (system.GetOS = #SYSTEM_OS_UNIX) then if (File.Exists("$AVHOME/lib/libshapes.so".AsFileName)) then System.LoadLibrary("$AVHOME/lib/libshapes.so".AsFileName) else if (File.Exists("$AVHOME/lib/libshapes.sl".AsFileName)) then System.LoadLibrary("$AVHOME/lib/libshapes.sl".AsFileName) else if (File.Exists("$AVHOME/lib/libshapes.a".AsFileName)) then System.LoadLibrary("$AVHOME/lib/libshapes.a".AsFileName) end end end end' ' Load the dnsgm.dll if (File.Exists("$AVBIN/dnsgm.dll".AsFileName)) then System.LoadLibrary("$AVBIN/dnsgm.dll".AsFileName) end' ' Load the avimgexp.dll if (File.Exists("$AVBIN/avimgexp.dll".AsFileName)) then System.LoadLibrary("$AVBIN/avimgexp.dll".AsFileName) end' ' Load the avdlog.dll if (File.Exists("$AVBIN/avdlog.dll".AsFileName)) then System.LoadLibrary("$AVBIN/avdlog.dll".AsFileName) ends = TxSym.Make s.SetFont(NFont.Make("AngsanaUPC","Bold")) s.SetSize(18) TOC.SetDefaultSymbol(s)
- ใช้โปรแกรม Notepad เปิด file ที่เก็บ Source code คำสั่งภาษาไทย เช่น ของผมคือ Thai.txt
- ใช้เมนูคำสั่ง Edit -->Select all -->Copy (หรือทางลัดอื่นแล้วแต่ถนัดครับ)
- เปิด file ที่ควบคุมคำสั่งของโปรแกรมคือ C:\ESRI\AV-GIS30\ARCVIEW\ETC\start up
- แล้วก็ Edit -->Paste (ต่อท้าย)
- อย่าลืม Save
- แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่
วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ลบ msn
เข้าไปที่ Start -> Run -> แล้วพิมพ์คำสั่ง msiexec /x {B1403D7D-C725-4858-AACC-7E5FA2D72859} -> OK
วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554
The file or directory is corrupted and unreadable
The file or directory is corrupted and unreadable
หาวิธีแก้ไข
หาวิธีแก้ไข
วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554
Adobe
[เวอร์ชั่นล่าสุด] Adobe Acrobat X Suite พร้อม Serial Number ครบทุกความต้องการ
บริษัท อะโดบี ซิสเต็มส์ (Adobe System Incorporated) (Nasdaq:ADBE) เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ Adobe Acrobat X ซึ่งครอบคลุมถึง Acrobat X, Reader X, Acrobat X Suite และบริการรับส่งเอกสารที่ Acrobat.com ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและ พัฒนาคอนเทนต์คุณภาพสูงกระตุ้นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และเสริมสร้างประสิทธิภาพให้กับทีมงานในฝ่ายต่างๆ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในปัจจุบัน
กลุ่มผลิตภัณฑ์
การเปิดตัวในครั้งนี้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ Acrobat X ดังต่อไปนี้:
Acrobat X Standard
Acrobat X Pro
ใหม่ : Acrobat X Suite รวมถึงซอฟต์แวร์ Adobe Photoshop CS5, Adobe Acrobat X Pro, Adobe Presenter 7, Adobe Captivate 5, Adobe Media Encoder CS5, Adobe LiveCycle Designer ES2
Adobe Reader X
บริการ Acrobat.com รวมถึงบริการใหม่ Adobe SendNow และ Adobe Create PDF สำหรับการรับส่งเอกสารทางออนไลน์
ฟีเจอร์สำคัญๆ ของ Acrobat X
รองรับการทำงานประจำหลายขั้นตอนได้โดยอัตโนมัติ โดยอาศั Actions แบบใหม่ พร้อมทั้งเพิ่มความสะดวกในการใช้งานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน โดยลดภาระในการฝึกอบรมเพิ่มเติม
เปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้ใช้เรียกดู คิด และโต้ตอบกับเนื้อหาคอนเทนต์และบริบท ด้วย PDF Portfolios โดยใช้เลย์เอาต์, ธีม และรูปแบบสีใหม่ๆ
เสริมสร้างศักยภาพของ Adobe Photoshop และ Adobe Acrobat เพื่อสร้างการสื่อสารแบบไดนามิก ด้วย Acrobat X Suite โดยบันทึก แก้ไข และผสานรวมดิจิตอลคอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็วจากเดสก์ท็อป
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั่วทั้งองค์กร ด้วยการผนวกรวมเข้ากับ Microsoft SharePoint พร้อมทั้งรองรับการเช็คอินและเช็คเอาต์ไฟล์ PDF สำหรับการตรวจสอบและแก้ไขเอกสารที่ใช้งานร่วมกัน
เพิ่มความคล่องตัวให้กับกระบวนการสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ในการติดตั้ง กำหนดค่า และจัดการอัพเดตต่างๆ โดยสอดคล้องตาม มาตรฐาน ISO ใน Adobe Reader X และ Acrobat X รวมถึงการสนับสนุน Microsoft SCCM และ SCUP
แสดงเครื่องมือที่ใช้เป็นประจำไว้ในบานหน้าต่างเดียวกัน ด้วย อินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ได้รับการปรับปรุง
จุดเด่นของ Acrobat X
- รองรับการทำงานแบบ Dynamic Document ที่มีระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ โดยใช้ Action แบบใหม่ เพิ่มความสะดวกในกรทำงานแบบ Collraborate (การทำงาร่วมกันในองค์กร)
- มีระบบกรทำงานแบบใหม่ในการเรียกดู แก้ไข และโต้ตอบเอกสารด้วย PDF Portfolios รวมไปถึงการใส่ข้อมูลแบบมัลติมีเดียลงในไฟล์ PDF ด้วย
- ผสมผสานการทำงานร่วมกับโปรแกรม Photoshop และ Acrobat สำหรับการสร้างเอกสารแบบ Dynamic ด้วย Acrobat X Suite
- สามารถทำงานร่วมกับ Microsoft Sharepoint และรองรับการตรวจสอบและการแก้ไขเอกสาร่วมกัน
- Acrobat X มาพร้อมมาตรฐาน ISO เพื่อความคล่องตัวในการทำงานในองค์กร รวมไปถึงการสนับสนุน Microsoft SCCM และ SCUP
กรุณาอ่านเพื่อให้ท่านใช้โปรแกรมได้อย่างไม่มีอะไรมากวนใจ
การแก้ไฟล์ hosts โดยการกด ปุ่ม Windows > R : แสดงหน้าต่าง RUN
จากนั้นให้พิมพ์
C:WINDOWSsystem32driversetc สำหรับ Windows XP
C:Windowssystem32driversetc สำหรับ Windows 7
จะเจอไฟล์ที่ชื่อว่า hosts อยุ่ ให้คลิก Open With > Notepade แล้วให้พิมพ์โค้ดดังนี้ลงไปต่อท้าย
127.0.0.1 activate.adobe.com จากนั้นทำการ Save แล้วกดปิด
เป็นอันเสร็จสิ้นวิธีการแก้ไฟล์ hosts เท่านี้มันก็จะไม่ถามหา Serial Number วิธีนี้ปลอดภัยกว่าการใช้
Patch เพราะ ส่วนใหญ่นั้น Patch ที่ทำมานั้นจะมีไวรัสบางชนิดแอบแนบมากับ Patch นั้นด้วย
บริษัท อะโดบี ซิสเต็มส์ (Adobe System Incorporated) (Nasdaq:ADBE) เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ Adobe Acrobat X ซึ่งครอบคลุมถึง Acrobat X, Reader X, Acrobat X Suite และบริการรับส่งเอกสารที่ Acrobat.com ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและ พัฒนาคอนเทนต์คุณภาพสูงกระตุ้นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และเสริมสร้างประสิทธิภาพให้กับทีมงานในฝ่ายต่างๆ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในปัจจุบัน
กลุ่มผลิตภัณฑ์
การเปิดตัวในครั้งนี้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ Acrobat X ดังต่อไปนี้:
Acrobat X Standard
Acrobat X Pro
ใหม่ : Acrobat X Suite รวมถึงซอฟต์แวร์ Adobe Photoshop CS5, Adobe Acrobat X Pro, Adobe Presenter 7, Adobe Captivate 5, Adobe Media Encoder CS5, Adobe LiveCycle Designer ES2
Adobe Reader X
บริการ Acrobat.com รวมถึงบริการใหม่ Adobe SendNow และ Adobe Create PDF สำหรับการรับส่งเอกสารทางออนไลน์
ฟีเจอร์สำคัญๆ ของ Acrobat X
รองรับการทำงานประจำหลายขั้นตอนได้โดยอัตโนมัติ โดยอาศั Actions แบบใหม่ พร้อมทั้งเพิ่มความสะดวกในการใช้งานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน โดยลดภาระในการฝึกอบรมเพิ่มเติม
เปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้ใช้เรียกดู คิด และโต้ตอบกับเนื้อหาคอนเทนต์และบริบท ด้วย PDF Portfolios โดยใช้เลย์เอาต์, ธีม และรูปแบบสีใหม่ๆ
เสริมสร้างศักยภาพของ Adobe Photoshop และ Adobe Acrobat เพื่อสร้างการสื่อสารแบบไดนามิก ด้วย Acrobat X Suite โดยบันทึก แก้ไข และผสานรวมดิจิตอลคอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็วจากเดสก์ท็อป
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั่วทั้งองค์กร ด้วยการผนวกรวมเข้ากับ Microsoft SharePoint พร้อมทั้งรองรับการเช็คอินและเช็คเอาต์ไฟล์ PDF สำหรับการตรวจสอบและแก้ไขเอกสารที่ใช้งานร่วมกัน
เพิ่มความคล่องตัวให้กับกระบวนการสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ในการติดตั้ง กำหนดค่า และจัดการอัพเดตต่างๆ โดยสอดคล้องตาม มาตรฐาน ISO ใน Adobe Reader X และ Acrobat X รวมถึงการสนับสนุน Microsoft SCCM และ SCUP
แสดงเครื่องมือที่ใช้เป็นประจำไว้ในบานหน้าต่างเดียวกัน ด้วย อินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ได้รับการปรับปรุง
จุดเด่นของ Acrobat X
- รองรับการทำงานแบบ Dynamic Document ที่มีระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ โดยใช้ Action แบบใหม่ เพิ่มความสะดวกในกรทำงานแบบ Collraborate (การทำงาร่วมกันในองค์กร)
- มีระบบกรทำงานแบบใหม่ในการเรียกดู แก้ไข และโต้ตอบเอกสารด้วย PDF Portfolios รวมไปถึงการใส่ข้อมูลแบบมัลติมีเดียลงในไฟล์ PDF ด้วย
- ผสมผสานการทำงานร่วมกับโปรแกรม Photoshop และ Acrobat สำหรับการสร้างเอกสารแบบ Dynamic ด้วย Acrobat X Suite
- สามารถทำงานร่วมกับ Microsoft Sharepoint และรองรับการตรวจสอบและการแก้ไขเอกสาร่วมกัน
- Acrobat X มาพร้อมมาตรฐาน ISO เพื่อความคล่องตัวในการทำงานในองค์กร รวมไปถึงการสนับสนุน Microsoft SCCM และ SCUP
กรุณาอ่านเพื่อให้ท่านใช้โปรแกรมได้อย่างไม่มีอะไรมากวนใจ
การแก้ไฟล์ hosts โดยการกด ปุ่ม Windows > R : แสดงหน้าต่าง RUN
จากนั้นให้พิมพ์
C:WINDOWSsystem32driversetc สำหรับ Windows XP
C:Windowssystem32driversetc สำหรับ Windows 7
จะเจอไฟล์ที่ชื่อว่า hosts อยุ่ ให้คลิก Open With > Notepade แล้วให้พิมพ์โค้ดดังนี้ลงไปต่อท้าย
127.0.0.1 activate.adobe.com จากนั้นทำการ Save แล้วกดปิด
เป็นอันเสร็จสิ้นวิธีการแก้ไฟล์ hosts เท่านี้มันก็จะไม่ถามหา Serial Number วิธีนี้ปลอดภัยกว่าการใช้
Patch เพราะ ส่วนใหญ่นั้น Patch ที่ทำมานั้นจะมีไวรัสบางชนิดแอบแนบมากับ Patch นั้นด้วย
วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554
Adobe Acrobat Pro X v.10.0
Adobe Acrobat Pro X v.10.0
เคยเจอปัญหานี้ไหม ตอนเปิดโปรแกรม Adobe Acrobat Pro X v.10.0 + ต่อเน็ตที่ใช้วิธี Crack รุ่นเก่า มันจะมีการตรวจสอบว่าไม่ใช่ของแท้ ต้องหาคีย์ใหม่มาใส่ตลอด เสียอารมณ์มาก แน่นอนว่าถ้าเล่น Adobe Acrobat Pro X v.10.0 แบบไม่ต่อเน็ตแค่ใส่คีย์ก็ใช้งานได้เลยเพราะไม่ได้มีการต่อเน็ตมันไม่มีการตรวจสอบอยู่แล้ว อย่าไรเสียการใช้งาน Adobe Acrobat Pro X v.10.0 ในบางส่วนก็ต้องควบคู่กับอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่
1. ยกเลิกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต , ถอดสาย Lan เพื่อไม่ให้ทาง Adobe ตรวจสอบและอัพเดท
2. คลิก setup.exe (Windows 7 คลิกขวา Rus as administrator)
3. จะมีการแตกไฟล์ก่อน ที่หน้า Destop (หรือเลือกที่จัดเก็บเองเผื่อลงโปรแกรมใหม่ครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องแตกไฟล์อีก) คลิก Confirm > Next > Finish
4. เมื่อแตกไฟล์ เริ่มติดตั้งตั้งโปรแกรมตามปกติ เลือกภาษา English > Next จนถึงหน้าให้ใส่คีย์ คลิก I have a serial number เปิด keygen เลือก Adobe Acrobat Pro X v10.x นำคีย์ไปใส่ > Next >เลือก Typical > Next >Install >Finish
ใส่ Serial : 1118-1004-4227-2555-2789-8557 หรืออาจจะสร้างเองที่ไฟล์ /keygen Core/keygen.exe เลือกเวอร์ชัน Adobe Acrobat Pro X v10.x ถ้าใส่คีย์แล้วมีเครื่องหมายถูกแสดงว่าผ่าน
5. เปิดโปรแกรม > Accept >ไปที่ Edit > Preferences > Update > ติ๊กเลือก Do not download or install s automatically > เสร็จ และก็ปิดโปรแกรม
6. คัดลอก (Copy) ไฟล์ที่อยู่ในโฟลเดอร์ Crack ทั้งหมด 2 ไฟล์คือ Acrobat.dll , amtlib.dll เอาไปวางที่
สำหรับ Windows 7 x64 ::: C:Program FilesAdobeAcrobat 10.0Acrobat
สำหรับ Windows 7 x86 ::: C:Program Files (x86)AdobeAcrobat 10.0Acrobat
7. ปิด Service ตัวอัพเดทของ Adobe Update ส่วนนี้อาจจะทำหรือไม่ก็ได้นะแล้วแต่ เพราะไม่ปิดก็ใช้งานได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเราไม่ต้องการอัพเดทพวกโปรแกรมของ Adobe อยู่แล้วปล่อยให้มันทำงานก็เปล่าประโยชน์และมีผลในส่วนของการ Boot เหมือนกัน ให้ไปที่ Start พิมพ์ msconfig + Enter ดูที่ส่วน Startup หาคำว่า Adobe Updater Startup Utility ให้ติ๊กเครื่องหมายถูกด้านหน้าในส่วนนี้ออก OK + Restart Windows
n Enjoy
ใช้งานร่วมกับ Office Word 2010 ได้แบบสบายๆ
ลอกเขามา : http://us.datashack.3x80.com/file/--2/-/85517.html?sessid=1q8s48t6ftok7qejsiv1lo8620
เคยเจอปัญหานี้ไหม ตอนเปิดโปรแกรม Adobe Acrobat Pro X v.10.0 + ต่อเน็ตที่ใช้วิธี Crack รุ่นเก่า มันจะมีการตรวจสอบว่าไม่ใช่ของแท้ ต้องหาคีย์ใหม่มาใส่ตลอด เสียอารมณ์มาก แน่นอนว่าถ้าเล่น Adobe Acrobat Pro X v.10.0 แบบไม่ต่อเน็ตแค่ใส่คีย์ก็ใช้งานได้เลยเพราะไม่ได้มีการต่อเน็ตมันไม่มีการตรวจสอบอยู่แล้ว อย่าไรเสียการใช้งาน Adobe Acrobat Pro X v.10.0 ในบางส่วนก็ต้องควบคู่กับอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่
1. ยกเลิกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต , ถอดสาย Lan เพื่อไม่ให้ทาง Adobe ตรวจสอบและอัพเดท
2. คลิก setup.exe (Windows 7 คลิกขวา Rus as administrator)
3. จะมีการแตกไฟล์ก่อน ที่หน้า Destop (หรือเลือกที่จัดเก็บเองเผื่อลงโปรแกรมใหม่ครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องแตกไฟล์อีก) คลิก Confirm > Next > Finish
4. เมื่อแตกไฟล์ เริ่มติดตั้งตั้งโปรแกรมตามปกติ เลือกภาษา English > Next จนถึงหน้าให้ใส่คีย์ คลิก I have a serial number เปิด keygen เลือก Adobe Acrobat Pro X v10.x นำคีย์ไปใส่ > Next >เลือก Typical > Next >Install >Finish
ใส่ Serial : 1118-1004-4227-2555-2789-8557 หรืออาจจะสร้างเองที่ไฟล์ /keygen Core/keygen.exe เลือกเวอร์ชัน Adobe Acrobat Pro X v10.x ถ้าใส่คีย์แล้วมีเครื่องหมายถูกแสดงว่าผ่าน
5. เปิดโปรแกรม > Accept >ไปที่ Edit > Preferences > Update > ติ๊กเลือก Do not download or install s automatically > เสร็จ และก็ปิดโปรแกรม
6. คัดลอก (Copy) ไฟล์ที่อยู่ในโฟลเดอร์ Crack ทั้งหมด 2 ไฟล์คือ Acrobat.dll , amtlib.dll เอาไปวางที่
สำหรับ Windows 7 x64 ::: C:Program FilesAdobeAcrobat 10.0Acrobat
สำหรับ Windows 7 x86 ::: C:Program Files (x86)AdobeAcrobat 10.0Acrobat
7. ปิด Service ตัวอัพเดทของ Adobe Update ส่วนนี้อาจจะทำหรือไม่ก็ได้นะแล้วแต่ เพราะไม่ปิดก็ใช้งานได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเราไม่ต้องการอัพเดทพวกโปรแกรมของ Adobe อยู่แล้วปล่อยให้มันทำงานก็เปล่าประโยชน์และมีผลในส่วนของการ Boot เหมือนกัน ให้ไปที่ Start พิมพ์ msconfig + Enter ดูที่ส่วน Startup หาคำว่า Adobe Updater Startup Utility ให้ติ๊กเครื่องหมายถูกด้านหน้าในส่วนนี้ออก OK + Restart Windows
n Enjoy
ใช้งานร่วมกับ Office Word 2010 ได้แบบสบายๆ
ลอกเขามา : http://us.datashack.3x80.com/file/--2/-/85517.html?sessid=1q8s48t6ftok7qejsiv1lo8620
Activation Windows XP
ซึ่งปัญหานี้ก็คือ “Windows Product Activation” (WPA)
ขั้นตอนดังนี้ครับ
1. ดาวน์โหลดไฟล์ antiwpadll มาก่อนนะครับ
2. เข้า Windows ด้วย Safemode นะครับ เลือก User เป็น Administrator นะครับ แล้วค่อยนำไฟล์ antiwpa.dll ไปวางที่ C:\Windows\System32
3. เลือก start (ตรงมุมล่างซ้ายของจอ) > Run > พิมพ์คำสั่ง regsvr32 antiwpa > กด Enter
4. รีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 รอบครับ แล้วปัญหานี้ก็จะหมดไป
5. ปิดระบบการ Update Windows ด้วยนะครับ โดยเข้าไปที่
Start > Control Panel > Windows Update > เลือก Off > กด Apply และ OK
ขั้นตอนดังนี้ครับ
1. ดาวน์โหลดไฟล์ antiwpadll มาก่อนนะครับ
2. เข้า Windows ด้วย Safemode นะครับ เลือก User เป็น Administrator นะครับ แล้วค่อยนำไฟล์ antiwpa.dll ไปวางที่ C:\Windows\System32
3. เลือก start (ตรงมุมล่างซ้ายของจอ) > Run > พิมพ์คำสั่ง regsvr32 antiwpa > กด Enter
4. รีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 รอบครับ แล้วปัญหานี้ก็จะหมดไป
5. ปิดระบบการ Update Windows ด้วยนะครับ โดยเข้าไปที่
Start > Control Panel > Windows Update > เลือก Off > กด Apply และ OK
วิธีกำจัดไวรัส Windows – No Disk
วิธีกำจัดไวรัส Windows – No Disk
มีกล่องขึ้นมารบกวนการทำงานตลอดเลย ไวรัสตัวนี้ให้แก้ไขโดย
* ให้ คลิก Start –> RUN พิมพ์ Regedit คลิก Run
HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Windows\ErrorMode Value = 2
แล้ว กด Cancel ออกจาก box windows - no disk ออกไป ก็จะไม่มี box นี้ขึ้นมากวนอีกแล้วจ้า
วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554
เพิ่มพื้นที่ด้วยการลบไฟล์ hiberfil.sys
ถ้าคุณใช้ Hibernation mode เป็นประจำ วิธีนี้จะไม่จำเป็นสำหรับคุณ แต่ถ้าคุณไม่เคยใช้มันเลย มันจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในคอมคุณได้ถึง 4-6GB เลยทีเดียว
อะไรคือ hiberfil.sys?
Windows มีสองวิธีในการจัดการพลังงาน: อันแรกคือ Sleep Mode, ซึ่งจะทำให้คอมเราทำงานที่พลังงานที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนอีกอันนึงคือ Hibernate mode ซึ่งมันจะทำการเขียนข้อมูลทั้งหมดไว้บน hard drive ของเราแล้วปิดเครื่อง ดังนั้นเราจึงสามารถถอดแบต แล้วใส่ใหม่ แล้วพอเปิดเครื่องมาอีกที มันก็จะมาอยู่จุดเดิมแบบที่เราเปิดมันไว้
Hibernate mode ใช้ hiberfil.sys เพื่อเก็บข้อมูล และถูกจัดการโดย Windows ดังนั้นเราจึงสุ่มสี่สุมห้าลบมันไม่ได้
วิธีลบสำหรับ Windows 7 และ Vista
ให้เปิด cmd หรือ command prompt ขึ้นมา (Start > Run > พิม cmd)
แล้วพิม
ส่วนสำหรับ XP
ให้ไปที่ Control Panel > Power Options > Hibernate (ด้านบน)
แล้วเอาติ้กของ “Enable Hibernation” ออก
เรียบร้อย! ตอนนี้เราก็มีพื้นที่มากขึ้นแล้ว!
ลอกเขามา http://iccom.info
อะไรคือ hiberfil.sys?
Windows มีสองวิธีในการจัดการพลังงาน: อันแรกคือ Sleep Mode, ซึ่งจะทำให้คอมเราทำงานที่พลังงานที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนอีกอันนึงคือ Hibernate mode ซึ่งมันจะทำการเขียนข้อมูลทั้งหมดไว้บน hard drive ของเราแล้วปิดเครื่อง ดังนั้นเราจึงสามารถถอดแบต แล้วใส่ใหม่ แล้วพอเปิดเครื่องมาอีกที มันก็จะมาอยู่จุดเดิมแบบที่เราเปิดมันไว้
Hibernate mode ใช้ hiberfil.sys เพื่อเก็บข้อมูล และถูกจัดการโดย Windows ดังนั้นเราจึงสุ่มสี่สุมห้าลบมันไม่ได้
วิธีลบสำหรับ Windows 7 และ Vista
ให้เปิด cmd หรือ command prompt ขึ้นมา (Start > Run > พิม cmd)
แล้วพิม
powercfg -h off
แค่นี้ก็เสร็จแล้ว!ส่วนสำหรับ XP
ให้ไปที่ Control Panel > Power Options > Hibernate (ด้านบน)
แล้วเอาติ้กของ “Enable Hibernation” ออก
เรียบร้อย! ตอนนี้เราก็มีพื้นที่มากขึ้นแล้ว!
ลอกเขามา http://iccom.info
วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554
Nero 10 Multimedia Suite Platinum HD V10.5
Nero 10 Multimedia Suite Platinum HD V10.5 ล่าสุด[FULL]
Nero 10 Multimedia Suite Platinum HD V10.5 + Serial
ตอบกระทู้ก่อนน่ะครับ
ความต้องการต่ำสุดของระบบ
Windows XP SP3 (32-bit)
Windows Vista SP1 or Later (32 และ 64-bit)
Windows 7 Home premium, Professional หรือ Ultimate (32 และ 64-bit)
2 GHz AMD หรือ Intel Processor, 512MB RAM (1GB RAM สำหรับ Windows Vista หรือWindows 7)
เป็นโปรแกรมที่ดีเยี่ยมอีกโปรแกรมที่อยากจะนำแบ่งปัน ครับ ถ้ามีการติดตั้งเวอร์ชั่น Nero 10 ไว้ก่อนแล้ว Uninstall ออกก่อนนะครับเพราะจะไม่สามารถติดตั้ง Nero 10 Multimedia Suite Platinum HD V.10.5 เวอร์ชั่นนี้ได้ครับ ซึ่งโปรแกรมนี้จะเพิ่มความสามารถทางด้าน HD ต่าง ๆเข้ามาอีก และเทมเพลต สวย ๆก็เพิ่มมาอีกเยอะเลยครับ เมื่อก่อนผมใช้ Nero 10 มาก่อนเลยเห็นความแตกต่างระหว่าง Nero 10 Multimedia Suite กับNero 10 Multimedia Suite Platinum HD ครับ เมื่อเขียนแผ่นเสร็จแล้ว Serial จะอยู่ในโฟล์เดอร์ "crack" และ "sn" ตามลำดับครับ หรือจะคัดลอกเอาจากนี้ก็ได้นะครับ
cod
Nero Multimedia Suite 10 Platinum HD:
9X13-01AA-TU89-2UCZ-L852-H2P8-PP40-K0XE
9X03-014M-337H-H1CZ-L2KK-229X-1ZUX-LPHA
Gracenote Plug-In:
9M0C-01A6-2CCW-0X3W-WT7U-0TC5-AE1X-T64W
DTS Plug-In:
9K00-20E3-8A80-5KM0-5058-29M6-985E
KK00-5195-199K-254K-132E-9056-XC07
mp3PRO Plug-In:
1C00-8014-9880-2000-408M-K7X6-X61E
KC00-203X-1886-2446-051E-54C2-XC60
Nero Blu-ray Disc Playback Plug-in:
9X12-008E-MZWW-5W5M-PA2U-C6MZ-751T-07W4
Nero Move it Plug-in:
9X11-0080-M4LL-2WPC-KM46-A30M-EW7U-8TU
ตัวอย่าง
ตัวนี้เจ้าของไฟล์ทดสอบกับเครื่องแล้ว Windows 7 Ultimate 32bit ผ่าน 100% ติดตั้งไม่มีปัญหา
DOWNLOAD:
Part 1
Part 2
Part 3
Part 4
Part 5
Part 6
Part 7
Part 8
Part 9
Part 10
Part 11
Nero 10 Multimedia Suite Platinum HD V10.5 + Serial
ตอบกระทู้ก่อนน่ะครับ
ความต้องการต่ำสุดของระบบ
Windows XP SP3 (32-bit)
Windows Vista SP1 or Later (32 และ 64-bit)
Windows 7 Home premium, Professional หรือ Ultimate (32 และ 64-bit)
2 GHz AMD หรือ Intel Processor, 512MB RAM (1GB RAM สำหรับ Windows Vista หรือWindows 7)
เป็นโปรแกรมที่ดีเยี่ยมอีกโปรแกรมที่อยากจะนำแบ่งปัน ครับ ถ้ามีการติดตั้งเวอร์ชั่น Nero 10 ไว้ก่อนแล้ว Uninstall ออกก่อนนะครับเพราะจะไม่สามารถติดตั้ง Nero 10 Multimedia Suite Platinum HD V.10.5 เวอร์ชั่นนี้ได้ครับ ซึ่งโปรแกรมนี้จะเพิ่มความสามารถทางด้าน HD ต่าง ๆเข้ามาอีก และเทมเพลต สวย ๆก็เพิ่มมาอีกเยอะเลยครับ เมื่อก่อนผมใช้ Nero 10 มาก่อนเลยเห็นความแตกต่างระหว่าง Nero 10 Multimedia Suite กับNero 10 Multimedia Suite Platinum HD ครับ เมื่อเขียนแผ่นเสร็จแล้ว Serial จะอยู่ในโฟล์เดอร์ "crack" และ "sn" ตามลำดับครับ หรือจะคัดลอกเอาจากนี้ก็ได้นะครับ
cod
Nero Multimedia Suite 10 Platinum HD:
9X13-01AA-TU89-2UCZ-L852-H2P8-PP40-K0XE
9X03-014M-337H-H1CZ-L2KK-229X-1ZUX-LPHA
Gracenote Plug-In:
9M0C-01A6-2CCW-0X3W-WT7U-0TC5-AE1X-T64W
DTS Plug-In:
9K00-20E3-8A80-5KM0-5058-29M6-985E
KK00-5195-199K-254K-132E-9056-XC07
mp3PRO Plug-In:
1C00-8014-9880-2000-408M-K7X6-X61E
KC00-203X-1886-2446-051E-54C2-XC60
Nero Blu-ray Disc Playback Plug-in:
9X12-008E-MZWW-5W5M-PA2U-C6MZ-751T-07W4
Nero Move it Plug-in:
9X11-0080-M4LL-2WPC-KM46-A30M-EW7U-8TU
ตัวอย่าง
ตัวนี้เจ้าของไฟล์ทดสอบกับเครื่องแล้ว Windows 7 Ultimate 32bit ผ่าน 100% ติดตั้งไม่มีปัญหา
DOWNLOAD:
Part 1
Part 2
Part 3
Part 4
Part 5
Part 6
Part 7
Part 8
Part 9
Part 10
Part 11
วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
Prism Video Converter = Convert วิดีโอ
Prism Video Converter โปรแกรม Convert วิดีโอ ตัวเล็ก ใช้งานง่าย
Prism Video Converter 1.40 โปรแกรมแปลงไฟล์หนัง ไฟล์คลิปวิดีโอ จากไฟล์หนังประเภทหนึ่ง ไปเป็นไฟล์หนังอีกประเภทหนึ่ง เช่น หนังจากแผ่น DVD เอามาแปลงเป็นวิดีโอเล็กๆ ไว้ดูกับมือถือที่รองรับไฟล์นามสกุล .mp4 แบบนี้เป็นต้น ทั้งนี้ Prism Video Converterสามารถแปลงไฟล์ได้หลากหลายฟอร์แมตไม่ว่าจะไฟล์ AVI, MPG, VOB, 3gp และ WMV สำหรับแบ็คอัพข้อมูลหรือเพื่อจะได้เก็บได้ง่ายขึ้น เพราะหลังจากแปลงไฟล์แล้วมันจะเล็กลงมากนั่นเองครับ
สำหรับความโดดเด่นของโปรแกรม Prism Video Converter อยู่ที่ขนาดของมันที่เล็กมากๆ เพียง 311 KB เท่านั้นเอง และหน้าตาโปรแกรมก็ง่ายๆ ไม่มีกราฟิกซับซ้อนให้ปวดหัว ซึ่งผมรับรองครับว่าท่านที่โหลดไปใช้งานแล้วนั้นแทบไม่ต้องอ่านคู่มือเลย เปิดมาปุ๊บก็รู้แล้วว่าจะใช้งานอย่างไร.
สำหรับความโดดเด่นของโปรแกรม Prism Video Converter อยู่ที่ขนาดของมันที่เล็กมากๆ เพียง 311 KB เท่านั้นเอง และหน้าตาโปรแกรมก็ง่ายๆ ไม่มีกราฟิกซับซ้อนให้ปวดหัว ซึ่งผมรับรองครับว่าท่านที่โหลดไปใช้งานแล้วนั้นแทบไม่ต้องอ่านคู่มือเลย เปิดมาปุ๊บก็รู้แล้วว่าจะใช้งานอย่างไร.
เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรมไม่ต้องเลือกซอฟแวร์ทั้งหมดมาลงก็ได้ครับติ๊กถูกเฉพาะ VideoPad Video Editor Software ก็พอ
หน้าตาโปรแกรมก็ง่ายๆ แบบนี้แหละครับ แทบไม่มีอะไรเลย
ทดสอบแปลงไฟล์หนังดูนะครับ อันดับแรกกดที่ปุ่ม Add Files แล้วจะได้หน้าต่างใหม่ดังภาพ
จากนั้นไปเลือกหนังที่ต้องการแปลงเป็นไฟล์ชนิดต่างๆ จากฮาร์ดดิสก์ของท่าน
จากนั้นไปเลือกหนังที่ต้องการแปลงเป็นไฟล์ชนิดต่างๆ จากฮาร์ดดิสก์ของท่าน
จากนั้นเลือกชนิดของไฟล์หนังที่ต้องการจะแปลงออกมา
หากต้องการปรับแต่งระบบการแปลงไฟล์ หรือฟอร์แมตของไฟล์ให้กดที่ปุ่ม Encoder Option นะครับ (สำหรับมือาชีพ)
จากนั้นก็เริ่มแปลงไฟล์ได้เลยโดยกดที่ปุ่ม Convert (อยู่มุมด้านขวาล่างๆ นะครับ)
จากนั้นก็รอให้มันแปลงไฟล์จนกว่าจะเสร็จ
พอเสร็จแล้วก็เปิดด้วยโปรแกรมดูหนังต่างๆ ได้ตามปกติครับ
ปล. สำหรับท่านที่ต้องการแปลงหนังจากแผ่น DVD ออกมาเป็นหนังนามสกุลต่างๆ สามารถ Add DVD ได้ตรงๆ จากแผ่นเลยนะครับ
วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554
แผนปฏิบัติืการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ.2553 - 2562
แผนปฏิบัติืการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ.2553 - 2562
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2553-2562 และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เป็นหน่วยประสานงาน กำกับ ดูแลทิศทางการนำแผนปฏิบัติการดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ และติดตามประเมินผล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอความเป็นมากระทรวงมหาดไทยรายงานว่า
1. หลังจากเกิดภัยพิบัติจากคลื่นสึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ประเทศต่างๆ ในแถบเอเชียและ แปซิฟิค และประเทศในทวีปแอฟริกาได้ตระหนักถึงภัยจากคลื่นสึนามิ ภัยจากความแห้งแล้ง และภัยจากน้ำท่วมที่สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นานาประเทศ จึงได้มีการประชุมเพื่อลดภัยพิบัติระดับโลกขึ้น ณ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น (World Conference on Disaster Reduction) ผลการประชุม
ของ 168 ประเทศ มีมติให้จัดทำมาตรการลดภัยพิบัติอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบการดำเนินงานเฮียวโกะ ค.ศ.2005-2015 (Hyogo Framework for Action 2005-2015 : HFA 2005-2015) หลังจากนั้นได้มีการประชุมของประเทศในทวีปเอเชีย ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน (Beijing Action for Disaster Reduction in Asia) ที่ประชุมได้รับหลักการตามกรอบการดำเนินงานเฮียวโกะ ให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียจัดทำแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ให้เป็นแผนปฏิบัติการในการสร้างสมรรถนะระดับชาติและระดับชุมชนในการจัดระบบหน้าที่และโครงสร้างต่างๆ สำหรับการแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติ พร้อมทั้งเห็นชอบให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติ เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติตามกรอบการดำเนินงานเฮียวโกะ
2. การจัดทำแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศไทย ตามกรอบการดำเนินงานเฮียวโกะ (HFA 2005-2015) ได้มีการเตรียมการจากหน่วยงานภาครัฐ คือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยความร่วมมือของศูนย์เตรียมพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center : ADPC) และได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการจากองค์การยุทธศาสตร์นานาชาติเพื่อการลดภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ (United Nations International Strategy for Disaster Reduction : UNISDR)
3. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นร่างแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์สำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2552-2561 (Strategic National Action Plan (SNAP) on Disaster Risk Reduction 2009-2018 โดยมีผู้แทนจากทุกภาคส่วน รวม 44 หน่วยงาน จำนวน 140 คน และได้นำข้อคิดเห็นที่ได้รับจากการ
(2) เพื่อให้ประเทศไทยมีแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในเชิงยุทธศาสตร์ ระยะยาว
(3) เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยอย่างชัดเจนในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศ
(4) เพื่อพัฒนาและเตรียมการจัดทำแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศไทยในระยะยาวตามแนวทางของกรอบดำเนินการเฮียวโกะ
(5) เพื่อให้หน่วยงานทุกภาคส่วนจากระดับท้องถิ่นถึงระดับประเทศมีแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติระยะยาวที่มีทิศทางเดียวกันและเสริมกำลังกันอย่างบูรณาการ
3.3 เป้าหมาย กำหนดทิศทางการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศไทยให้เป็นระบบที่บูรณาการและเสริมกำลังกัน โดยให้หน่วยงานทุกภาคส่วนมีแผนปฏิบัติการระยะยาวสอดรับกับแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2552-2561
3.4 ยุทธศาสตร์ของแผน ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ คือยุทธศาสตร์ ประเด็นยุทธศาสตร์
1. การป้องกันและลดผลกระทบ
1.1 การปรับปรุงทบทวนกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2. การเตรียมความพร้อม
2.1 การเพิ่มพูนขีดความสามารถให้ระบบการแจ้งเตือนภัยและการกระจายข้อมูลข่าวสารระดับชาติ
3. การบริหารจัดการฉุกเฉิน
3.1 การจัดตั้งศูนย์บริหารวิกฤตระดับชาติ
4. การจัดการหลังเกิดภัย
4.1 การประเมินความเสียหายเบื้องต้น
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2553-2562 และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เป็นหน่วยประสานงาน กำกับ ดูแลทิศทางการนำแผนปฏิบัติการดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ และติดตามประเมินผล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอความเป็นมากระทรวงมหาดไทยรายงานว่า
1. หลังจากเกิดภัยพิบัติจากคลื่นสึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ประเทศต่างๆ ในแถบเอเชียและ แปซิฟิค และประเทศในทวีปแอฟริกาได้ตระหนักถึงภัยจากคลื่นสึนามิ ภัยจากความแห้งแล้ง และภัยจากน้ำท่วมที่สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นานาประเทศ จึงได้มีการประชุมเพื่อลดภัยพิบัติระดับโลกขึ้น ณ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น (World Conference on Disaster Reduction) ผลการประชุม
ของ 168 ประเทศ มีมติให้จัดทำมาตรการลดภัยพิบัติอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบการดำเนินงานเฮียวโกะ ค.ศ.2005-2015 (Hyogo Framework for Action 2005-2015 : HFA 2005-2015) หลังจากนั้นได้มีการประชุมของประเทศในทวีปเอเชีย ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน (Beijing Action for Disaster Reduction in Asia) ที่ประชุมได้รับหลักการตามกรอบการดำเนินงานเฮียวโกะ ให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียจัดทำแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ให้เป็นแผนปฏิบัติการในการสร้างสมรรถนะระดับชาติและระดับชุมชนในการจัดระบบหน้าที่และโครงสร้างต่างๆ สำหรับการแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติ พร้อมทั้งเห็นชอบให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติ เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติตามกรอบการดำเนินงานเฮียวโกะ
2. การจัดทำแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศไทย ตามกรอบการดำเนินงานเฮียวโกะ (HFA 2005-2015) ได้มีการเตรียมการจากหน่วยงานภาครัฐ คือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยความร่วมมือของศูนย์เตรียมพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center : ADPC) และได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการจากองค์การยุทธศาสตร์นานาชาติเพื่อการลดภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ (United Nations International Strategy for Disaster Reduction : UNISDR)
3. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมความคิดเห็นร่างแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์สำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2552-2561 (Strategic National Action Plan (SNAP) on Disaster Risk Reduction 2009-2018 โดยมีผู้แทนจากทุกภาคส่วน รวม 44 หน่วยงาน จำนวน 140 คน และได้นำข้อคิดเห็นที่ได้รับจากการ
ประชุมดังกล่าวมาปรับ/แก้ไขและจัดทำแผนปฏิบัติการฯ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
3.1 วิสัยทัศน์ ประเทศไทยมีแผนปฏิบัติการแบบบูรณาการให้หน่วยงานทุกภาคส่วน ตั้งแต่หน่วยงานระดับท้องถิ่นถึงหน่วยงานระดับประเทศและประชาชน ดำเนินการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อทำให้ประเทศไทยมีระดับความปลอดภัยเทียบเท่าระดับสากลได้ภายในระยะหนึ่งทศวรรษ (จากปัจจุบันถึง พ.ศ. 2561) และเป็นประเทศผู้นำด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในระดับภูมิภาค3.2 วัตถุประสงค์
(1) เพื่อยกระดับและสนับสนุนให้มีมาตรฐานความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวให้สูงขึ้นสู่ระดับสากลอย่างยั่งยืน(2) เพื่อให้ประเทศไทยมีแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในเชิงยุทธศาสตร์ ระยะยาว
(3) เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยอย่างชัดเจนในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศ
(4) เพื่อพัฒนาและเตรียมการจัดทำแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศไทยในระยะยาวตามแนวทางของกรอบดำเนินการเฮียวโกะ
(5) เพื่อให้หน่วยงานทุกภาคส่วนจากระดับท้องถิ่นถึงระดับประเทศมีแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติระยะยาวที่มีทิศทางเดียวกันและเสริมกำลังกันอย่างบูรณาการ
3.3 เป้าหมาย กำหนดทิศทางการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศไทยให้เป็นระบบที่บูรณาการและเสริมกำลังกัน โดยให้หน่วยงานทุกภาคส่วนมีแผนปฏิบัติการระยะยาวสอดรับกับแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2552-2561
3.4 ยุทธศาสตร์ของแผน ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ คือ
1. การป้องกันและลดผลกระทบ
1.1 การปรับปรุงทบทวนกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
1.2 การขยายการปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเป็นฐาน
1.3 การจัดการระบบข้อมูลสารสนเทศด้านบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ
1.4 การประเมินความเสี่ยงภัยและการจัดทำแผนที่เสี่ยงภัย
1.5 การพัฒนาแผนหลักและแผนปฏิบัติการด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติ
1.6 การสร้างความตระหนักแก่ประชาชนและการให้การศึกษาเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
1.7 การวิจัย และพัฒนาเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
1.8 การถ่ายเทความเสี่ยงภัย
2. การเตรียมความพร้อม
2.1 การเพิ่มพูนขีดความสามารถให้ระบบการแจ้งเตือนภัยและการกระจายข้อมูลข่าวสารระดับชาติ
2.2 การจัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกระดับ
2.3 การฝึกซ้อมแผนทุกระดับ
2.4 การเพิ่มพูนขีดความสามารถด้านการเตรียมและการรับมือภัยพิบัติ
2.5 การสร้างความตระหนัก และการให้การศึกษาระดับชุมชน
2.6 การเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน
3. การบริหารจัดการฉุกเฉิน
3.1 การจัดตั้งศูนย์บริหารวิกฤตระดับชาติ
3.2 การพัฒนาศักยภาพของระบบการสื่อสารฉุกเฉิน
3.3 การจัดตั้งหน่วยกู้ชีพ/กู้ภัยระดับชาติ
3.4 การประสานงานและการบัญชาการ
3.5 การฝึกอบรม
4. การจัดการหลังเกิดภัย
4.1 การประเมินความเสียหายเบื้องต้น
4.2 การประเมินความต้องการของผู้ประกันภัย
4.3 จัดทำแผนฟื้นฟูบูรณะ
4.4 ความร่วมมือกับองค์กรนานาชาติในการฟื้นฟูบูรณะ
วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วิธีแยกภาพวิดีโอและเสียงออกจากกัน ด้วยโปรแกรม SUPER
วิธีแยกภาพวิดีโอและเสียงออกจากกัน ด้วยโปรแกรม SUPER
ผมเคยแนะนำวิธีการใช้โปรแกรม SUPER แปลงไฟล์วิดีโอ คลิก เมื่อประมาณสองปีก่อน (เวลาผ่านมานานเหมือนกัน) ปัจจุบันตัวโปรแกรมพัฒนาออกเวอร์ชั่นใหม่ๆ รองรับไฟล์วิดีโอแทบทุกชนิด และเพิ่มความสามารถหลายอย่าง ซึ่งผมจะแนะนำในคราวต่อๆไป วันนี้แนะนำวิธีการใช้โปรแกรม SUPER แยกไฟล์วิดีโอและไฟล์เสียงออกจากกัน เช่น คุณมีไฟล์ MV อยู่เพลงหนึ่งต้องการเก็บแค่ไฟล์เสียง ไม่เอาภาพวิดีโอ ก็ใช้วิธีการนี้เพื่อดึงเอาไฟล์เสียงออกมาได้ครับ หรือนำเอาไปตัดต่ออย่างอื่นตามสะดวก
ก่อนอื่นดาวน์โหลดโปรแกรม SUPER เข้ามาติดตั้งก่อนครับ ตามลิงก์ด้านล่างนี้(ฟรีแวร์)
http://www.mediafire.com/?ui1hnskcngwq7ks
ก่อนอื่นดาวน์โหลดโปรแกรม SUPER เข้ามาติดตั้งก่อนครับ ตามลิงก์ด้านล่างนี้(ฟรีแวร์)
http://www.mediafire.com/?ui1hnskcngwq7ks
http://www.videohelp.com/tools/SUPER
จากนั้นก็มาดูขั้นตอนการแยกไฟล์ภาพและเสียงออกจากกัน โดยตัวอย่างนี้ผมจะแยกเอาภาพและเสียงออกจากไฟล์วิดีโอในแผ่น VCD (ไฟล์ .DAT) วิธีการมีดังนี้
1. เปิดโปรแกรม SUPER ขึ้นมา คลิกที่ตัวเลือกด้านล่าง(ดูรูป) และคลิกดร็อปดาวน์ลิสเลือก DeMux Extract Streams
2. ลากไฟล์วิดีโอที่ต้องการจะแยกภาพและเสียงออกจาก มาวางบนหน้าต่างโปรแกรม SUPER
3. คลิกปุ่ม DeMux (Active Files)
จากนั้นก็มาดูขั้นตอนการแยกไฟล์ภาพและเสียงออกจากกัน โดยตัวอย่างนี้ผมจะแยกเอาภาพและเสียงออกจากไฟล์วิดีโอในแผ่น VCD (ไฟล์ .DAT) วิธีการมีดังนี้
1. เปิดโปรแกรม SUPER ขึ้นมา คลิกที่ตัวเลือกด้านล่าง(ดูรูป) และคลิกดร็อปดาวน์ลิสเลือก DeMux Extract Streams
2. ลากไฟล์วิดีโอที่ต้องการจะแยกภาพและเสียงออกจาก มาวางบนหน้าต่างโปรแกรม SUPER
3. คลิกปุ่ม DeMux (Active Files)
4. โปรแกรมจะใช้เวลาครู่หนึ่งในการแยกไฟล์เสียงและไฟล์ภาพออกจากกัน ไฟล์ที่แยกออกมาจะอยู่ในโฟลเดอร์เดียวกับไฟล์ต้นฉบับดังรูปด้านล่างนี้
###จบแล้วครับ###
แปลงไฟล์ VDO DVD จากคอมฯไปเล่นบนมือถือ ด้วยโปรแกรม XMedia Recode
แปลงไฟล์วิดีโอ, DVD จากคอมฯไปเล่นบนมือถือ, MP4, iPod ฯลฯ ด้วย โปรแกรม XMedia Recode
ปัจจุบันมีเครื่องเล่นจำนวนมากที่สามารถเล่นไฟล์วิดีโอได้ ทั้งมือถือ, เครื่องเล่นMP3/MP4, iPod ฯลฯ หากคุณต้องการจะแปลงไฟล์วิดีโอหรือไฟล์ DVD ภาพยนตร์ ไปใช้บนเครื่องเล่นเหล่านี้ก็ต้องหาโปรแกรมมาแปลงไฟล์บนคอมพิวเตอร์ แน่นอนว่าโดยส่วนใหญ่แล้วโปรแกรมแปลงไฟล์วิดีโอทั่วไป จะมีตัวเลือกให้สำหรับแปลงไฟล์ลงเครื่องเล่นเหล่านี้ไม่มากนักหรือไม่มีเลย
เหตุนี้เอง ผมจึงขอแนะนำโปรแกรมเพื่อใช้ในการแปลงไฟล์วิดีโอ, DVD ภาพยนตร์ จากคอมพิวเตอร์เพื่อนำไปเล่นบนเครื่องเล่นสารพัดชนิด ด้วยโปรแกรม XMedia Recode (ฟรีแวร์) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำมาเพื่อการแปลงไฟล์วิดีโอจากคอมฯ ไปยังเครื่องแทบทุกชนิดในโลกนี้เลยทีเดียว ตัวโปรแกรม XMedia Recode ดาวน์โหลดได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้ครับ
ดาวน์โหลด Xmedia Recode
วิธีการใช้งานโปรแกรม XMedia Recode มีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดโปรแกรม XMedia Recode คลิกเลือกไฟล์ที่ต้องการจะแปลง ไฟล์วิดีโอธรรมดาเลือก Movie ส่วนไฟล์ DVD ภาพยนตร์เลือก Open DVD โปรแกรมจะให้คุณเลือกไดรฟ์ที่ใส่แผ่น DVD ภาพยนตร์ แล้วนำไฟล์เข้ามาในโปรแกรมโดยอัตโนมัติ
2. ที่แท็บ Format เลือกรูปแบบเครื่องเล่นที่ต้องการจะแปลง มีดร็อปดาวน์ลิส 2 อันคือ อันบนเป็นบริษัทผู้ผลิต อันล่างคือ ยี่ห้อและรุ่นของเครื่องเล่นที่คุณจะแปลงไฟล์ไปใช้
3. คลิกปุ่ม Browse เพื่อกำหนดโฟลเดอร์ที่จะบันทึกไฟล์หลังแปลงเสร็จ
เหตุนี้เอง ผมจึงขอแนะนำโปรแกรมเพื่อใช้ในการแปลงไฟล์วิดีโอ, DVD ภาพยนตร์ จากคอมพิวเตอร์เพื่อนำไปเล่นบนเครื่องเล่นสารพัดชนิด ด้วยโปรแกรม XMedia Recode (ฟรีแวร์) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำมาเพื่อการแปลงไฟล์วิดีโอจากคอมฯ ไปยังเครื่องแทบทุกชนิดในโลกนี้เลยทีเดียว ตัวโปรแกรม XMedia Recode ดาวน์โหลดได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้ครับ
ดาวน์โหลด Xmedia Recode
วิธีการใช้งานโปรแกรม XMedia Recode มีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดโปรแกรม XMedia Recode คลิกเลือกไฟล์ที่ต้องการจะแปลง ไฟล์วิดีโอธรรมดาเลือก Movie ส่วนไฟล์ DVD ภาพยนตร์เลือก Open DVD โปรแกรมจะให้คุณเลือกไดรฟ์ที่ใส่แผ่น DVD ภาพยนตร์ แล้วนำไฟล์เข้ามาในโปรแกรมโดยอัตโนมัติ
2. ที่แท็บ Format เลือกรูปแบบเครื่องเล่นที่ต้องการจะแปลง มีดร็อปดาวน์ลิส 2 อันคือ อันบนเป็นบริษัทผู้ผลิต อันล่างคือ ยี่ห้อและรุ่นของเครื่องเล่นที่คุณจะแปลงไฟล์ไปใช้
3. คลิกปุ่ม Browse เพื่อกำหนดโฟลเดอร์ที่จะบันทึกไฟล์หลังแปลงเสร็จ
4. ในส่วนของ DVD ภาพยนตร์ถ้าต้องการเลือกเสียงพากย์ คลิกแท็บ Audio Track1 เลือกเสียงพากย์ที่คุณต้องแปลงลงไป
5. ในส่วนของ DVD ภาพยนตร์ถ้าต้องการเลือกซับไตเติล คลิกแท็บ Subtitle และเลือกซับที่ต้องการแปลงฝังในไฟล์วิดีโอที่ตัวเลือก Stream:
6. คลิกปุ่ม Add Job
7. คลิกปุ่ม Encode โปรแกรมจะเริ่มแปลงไฟล์ให้ทันที
8. หน้าต่างระหว่างแปลงไฟล์ เลือกแบบ High และถ้าหากต้องการให้โปรแกรมปิดคอมหลังแปลงเสร็จ ก็คลิกกา ถูก ที่ตัวเลือก Shut down computer when finished
###จบแล้วครับ###
วิธีรวมไฟล์ภาพวิดีโอและเสียงเป็นไฟล์เดียว ด้วยโปรแกรม SUPER
วิธีรวมไฟล์ภาพวิดีโอและเสียงเป็นไฟล์เดียว ด้วยโปรแกรม SUPER
บทความก่อนหน้านี้ ผมได้เสนอวิธีการรวมแยกไฟล์ภาพและเสียงในไฟล์วิดีโอออกจากกัน คลิก คราวนี้มาเสนอวิธีการตรงกันข้ามคือการรวมภาพและเสียงในไฟล์วิดีโอเข้าเป็นไฟล์เดียว ด้วยโปรแกรม SUPER ซึ่งคุณสามารถสร้างไฟล์วิธีชนิดต่างๆ ด้วยวิธีนี้ เช่น ไฟล์นามสกุล MKV, AVI, WMV, VOB, MP4, MPG, FLV
ก่อนอื่นดาวน์โหลดโปรแกรม SUPER เข้ามาติดตั้งก่อนครับ ตามลิงก์ด้านล่างนี้(ฟรีแวร์)
ก่อนอื่นดาวน์โหลดโปรแกรม SUPER เข้ามาติดตั้งก่อนครับ ตามลิงก์ด้านล่างนี้(ฟรีแวร์)
วิธีการรวมไฟล์ภาพวิดีโอและเสียงเข้ามาเป็นไฟล์เดียว ด้วยโปรแกรม SUPER มีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดโปรแกรม SUPER ขึ้นมา คลิกไปที่ตัวเลือกด้านล่าง(ดูรู) แล้วคลิกเลือก Mux Video & Audio Streams
2. ลากไฟล์ภาพวิดีโอและไฟล์เสียงเข้ามาในโปรแกรม
3. คลิกปุ่ม Mux (Active Files)
1. เปิดโปรแกรม SUPER ขึ้นมา คลิกไปที่ตัวเลือกด้านล่าง(ดูรู) แล้วคลิกเลือก Mux Video & Audio Streams
2. ลากไฟล์ภาพวิดีโอและไฟล์เสียงเข้ามาในโปรแกรม
3. คลิกปุ่ม Mux (Active Files)
4. โปรแกรมจะแสดงหน้าต่าง Rendered file optimizer ขึ้นมา คลิกเลือกนามสกุลไฟล์ที่คุณต้องการจะสร้างขึ้นมาเมื่อรวมไฟล์ภาพและเสียงเสร็จ ถ้าเอาแบบปัญหาน้อยที่สุดก็เลือกแบบ AVI หรือ MKV จากนั้นคลิกปุ่ม OK โปรแกรมจะทำการรวมไฟล์ภาพวิดีโอและเสียงเข้าด้วยให้เราทันที
หมายเหตุ
เท่าที่ลองใช้งานดูความสามารถในการรวมไฟล์วิดีโอและไฟล์เสียงในโปรแกรม SUPER ยังไม่สมบูรณ์มากนัก บางครั้งมีอาการค้างให้เห็น หรือรวมแล้วภาพมาแต่เสียงไม่มี หรือภาพมีแต่เสียงไม่มาก็มี ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากตัวโปรแกรมถอดรหัสภาพและเสียงที่นำมารวมกันไม่ได้ และบางครั้งก็เกิดจากตัวผู้ใช้เราท่าน ที่นำไฟล์ภาพหรือไฟล์เสียงที่ไม่สนับสนุนการบันทึกออกมาเป็นนามสกุลนั้นๆ เข้ามารวม (โปรแกรม SUPER เวอร์ชั่นปัจจุบัน ยังไม่มีคุณสมบัติในการแปลงระหว่างรวมไฟล์ภาพและเสียง คาดว่าเวอร์ชั่นต่อๆ ไป จะแก้ไขปัญหาตรงนี้จนหมด)
###จบแล้วครับ###
ลอกเขามาครับ ## http://pssix.blogspot.com/2010/03/super_13.html
ดึงข้อมูลจากเว็บในส่วนที่เราต้องการ
ดึงข้อมูลจากเว็บในส่วนที่เราต้องการ
รอยต่อระหว่างโลกและท้องฟ้าเป็นสิ่งที่คุณสามารถมองเห็นได้ แต่ไม่มีวันเดินไปถึง ไม่ใช่เพราะมันไม่มีอยู่จริง ทว่าเมื่อคุณยืนอยู่บนพื้นดินแหงนหน้ามองฟ้าเบื้องบน จุดเชื่อมประสานระหว่างโลกกับท้องฟ้าไปก็คือตัวคุณเอง หากไม่อาจรับรู้เรื่องดังกล่าว เดินทางรอนแรมไปหาเส้นคั่นรอยต่อนั้น จึงเปลืองแรงและสูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง
เช่นเดียวกับการฝึกเขียนโปรแกรม เมื่อคุณเข้าใจวิธีการทำงานของคำสั่งพื้นฐาน รู้จัก If Then Else, While, For, Do, Select, Switch แต่ไม่สามารถเพาะสร้างแนวคิดในเชิงตรรกะที่ซับซ้อน ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ก็จะลดต่ำลงเรื่อยๆ (เป็นเรื่องแปลกแต่ก็เป็นเรื่องจริง) วิธีแก้ปัญหาดังกล่าว ทำได้ง่ายคือ การฝึกสร้างโปรแกรมอะไรขึ้นมาก็ได้สักโปรแกรมหนึ่ง โดยอาศัยพื้ันฐานความรู้ที่ศึกษามา การเขียนโปรแกรมก็ถือว่าเป็นทักษะอย่างหนึ่ง ยิ่งทำยิ่งคล่อง เกิดความชำนาญจนเชี่ยวชาญ รู้แล้วไม่ทำก็รู้อยู่แค่นั้น แถมปล่อยทิ้งไว้นานๆ ก็จะลืมไปหมดสิ้น
ผมจะยกตัวอย่างการสร้างโปรแกรมธรรมดาคือ โปรแกรมดึงข้อมูลจากเว็บในส่วนที่เราต้องการ มาเป็นตัวอย่าง โดยในตัวอย่างนี้ผมจะใช้เว็บ http://th.wikipedia.org โดยดึงเอาข้อความในตาราง “รายชื่อคำในภาษาไทยที่มักเขียนผิด” ออกมาบันทึกเป็นไฟล์ข้อความธรรมดา
เพื่อให้เข้าใจก่อนเริ่มทำ ในบทความนี้ผมจะไม่พูดถึงเรื่องพื้นฐานทั่วไป เช่น if คืออะไร while คืออะไร เพราะเคยอธิบายมาแล้ว คำสั่งอื่นก็จะไม่อธิบายจนหมด หากคุณสงสัยคำสั่งไหนก็คัดลอกคำสั่งไปวางไว้ในโปรแกรม SciTE Script Editor แล้วกดปุ่ม F1 เพื่อดูคำอธิบายและตัวอย่างการใช้คำสั่ง ที่ผ่านมาในบทความ AutoIt ผมมักจะอธิบายแทบทุกบรรทัดคำสั่ง การทำแบบนี้ด้วยเจตนาดีต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายๆ แต่มันกลับส่งผลร้ายออกมาอย่างชัดเจน เพราะการอธิบายหมดทุกอย่างก็ไม่เหลืออะไรให้คิดต่อ ไม่เหลืออะไรให้สงสัย บางครั้งผู้อ่านอาจหลงผิดคิดว่าเข้าใจหมด ทั้งที่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย รอแค่การเอาป้อนให้อย่างเดียว หรือพอจะคิดทำอะไรที่แตกต่างไปจากตัวอย่างก็เกิดอาการใบ้กิน ทำไม่ได้ บางคนอาจเกิดความรู้สึกว่าอ่านบทความทำไมมันง่าย แต่พอลองทำจริงๆ มันยากไปไม่เป็นไม่รู้จะเริ่มตรงไหน
เปิดเว็บสำรวจก่อนทำ
เมื่อจะเริ่มเขียนโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับเว็บหรืออะไรอื่น ก็ต้องทำความเข้าใจในสิ่งที่เราจะเขียนเสียก่อน ลองเปิดเว็บ http://th.wikipedia.org ขึ้นมาดู ข้อความที่เราจะดึงออกมาคือคอลัมน์ คำที่เขียนถูก และ มักเขียนผิดเป็น
เช่นเดียวกับการฝึกเขียนโปรแกรม เมื่อคุณเข้าใจวิธีการทำงานของคำสั่งพื้นฐาน รู้จัก If Then Else, While, For, Do, Select, Switch แต่ไม่สามารถเพาะสร้างแนวคิดในเชิงตรรกะที่ซับซ้อน ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ก็จะลดต่ำลงเรื่อยๆ (เป็นเรื่องแปลกแต่ก็เป็นเรื่องจริง) วิธีแก้ปัญหาดังกล่าว ทำได้ง่ายคือ การฝึกสร้างโปรแกรมอะไรขึ้นมาก็ได้สักโปรแกรมหนึ่ง โดยอาศัยพื้ันฐานความรู้ที่ศึกษามา การเขียนโปรแกรมก็ถือว่าเป็นทักษะอย่างหนึ่ง ยิ่งทำยิ่งคล่อง เกิดความชำนาญจนเชี่ยวชาญ รู้แล้วไม่ทำก็รู้อยู่แค่นั้น แถมปล่อยทิ้งไว้นานๆ ก็จะลืมไปหมดสิ้น
ผมจะยกตัวอย่างการสร้างโปรแกรมธรรมดาคือ โปรแกรมดึงข้อมูลจากเว็บในส่วนที่เราต้องการ มาเป็นตัวอย่าง โดยในตัวอย่างนี้ผมจะใช้เว็บ http://th.wikipedia.org โดยดึงเอาข้อความในตาราง “รายชื่อคำในภาษาไทยที่มักเขียนผิด” ออกมาบันทึกเป็นไฟล์ข้อความธรรมดา
เพื่อให้เข้าใจก่อนเริ่มทำ ในบทความนี้ผมจะไม่พูดถึงเรื่องพื้นฐานทั่วไป เช่น if คืออะไร while คืออะไร เพราะเคยอธิบายมาแล้ว คำสั่งอื่นก็จะไม่อธิบายจนหมด หากคุณสงสัยคำสั่งไหนก็คัดลอกคำสั่งไปวางไว้ในโปรแกรม SciTE Script Editor แล้วกดปุ่ม F1 เพื่อดูคำอธิบายและตัวอย่างการใช้คำสั่ง ที่ผ่านมาในบทความ AutoIt ผมมักจะอธิบายแทบทุกบรรทัดคำสั่ง การทำแบบนี้ด้วยเจตนาดีต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายๆ แต่มันกลับส่งผลร้ายออกมาอย่างชัดเจน เพราะการอธิบายหมดทุกอย่างก็ไม่เหลืออะไรให้คิดต่อ ไม่เหลืออะไรให้สงสัย บางครั้งผู้อ่านอาจหลงผิดคิดว่าเข้าใจหมด ทั้งที่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย รอแค่การเอาป้อนให้อย่างเดียว หรือพอจะคิดทำอะไรที่แตกต่างไปจากตัวอย่างก็เกิดอาการใบ้กิน ทำไม่ได้ บางคนอาจเกิดความรู้สึกว่าอ่านบทความทำไมมันง่าย แต่พอลองทำจริงๆ มันยากไปไม่เป็นไม่รู้จะเริ่มตรงไหน
เปิดเว็บสำรวจก่อนทำ
เมื่อจะเริ่มเขียนโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับเว็บหรืออะไรอื่น ก็ต้องทำความเข้าใจในสิ่งที่เราจะเขียนเสียก่อน ลองเปิดเว็บ http://th.wikipedia.org ขึ้นมาดู ข้อความที่เราจะดึงออกมาคือคอลัมน์ คำที่เขียนถูก และ มักเขียนผิดเป็น
พอเลื่อนลงมาอีกหน่อยก็พบว่าคำเรียงตามตัวอักษร และมีการสร้างตารางใหม่ตามอักษรแต่ละตัวโดยใช้แท็ก Table (ภาษา HTML ในการเขียนเว็บ)จุดประสงค์ในการเขียนสคริปต์ของผมคือ ต้องการแค่ดึงเอาข้อความเขียนถูกและมักเขียนผิดมาเรียงต่อกันเท่านั้น โดยไม่เอาตารางมาด้วย การที่ตารางในเว็บแยกตามตัวอักษรจะทำให้มีข้อความ คำที่เขียนถูก มักเขียนผิดเป็น ปรากฏขึ้นมาเวลาใช้คำสั่งดึงข้อมูลออกมาด้วย ปัญหาต่างๆ เหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเขียนสคริปต์ตามตัวอย่างในหัวข้อถัดไป
เริ่มเขียนสคริปต์ AutoIt ดึงข้อมูลจากเว็บ
เริ่มแรกก็เขียนสคริปต์เปิดหน้าเว็บ ด้วยความที่ URL ค่อนข้างยาวผมจะใช้ตัว & _ (Line Continuation) ในการเชื่อม URL ที่แยกไปแต่ละบรรทัด
#include <IE.au3>
$oIE = _IECreate ("http://th.wikipedia.org/wiki/" & _
"%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%" & _
"8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD" & _
"%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%" & _
"99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0" & _
"%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%" & _
"E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8" & _
"%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%" & _
"E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94")
ตอนนี้ก็ได้สคริปต์เปิดหน้าเว็บมาแล้ว จากนั้นก็เขียนสคริปต์ต่อเพื่อตรวจดูว่าในเว็บมีตารางจำนวนกี่ตารางกันแน่ สรุปแล้วในหน้าเว็บมีตาราง 41 อัน (เริ่มต้นที่ 0)
#include <IE.au3>
$oIE = _IECreate ("http://th.wikipedia.org/wiki/" & _
"%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%" & _
"8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD" & _
"%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%" & _
"99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0" & _
"%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%" & _
"E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8" & _
"%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%" & _
"E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94")
$oTable = _IETableGetCollection ($oIE)
$iNumTables = @extended
MsgBox(0, "Table Info", "There are " & $iNumTables & " tables on the page")
ลองใช้คำสั่งดึงเอาตารางแต่ละอันมาดู และเนื่องจากคำสั่ง _IETableGetCollection จะดึงเอาข้อมูลไปเก็บไว้ในอาเรย์อัตโนมัติ จึงต้องเพิ่มคำสั่ง #include <Array.au3> เข้ามาด้วย เพื่อใช้คำสั่ง _ArrayDisplay ในการแสดงข้อมูลในอาเรย์ จากนั้นก็ไล่ดูทีละตารางว่ามีข้อมูลอะไรอยู่
#include <IE.au3>
#include <Array.au3>
$oIE = _IECreate ("http://th.wikipedia.org/wiki/" & _
"%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%" & _
"8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD" & _
"%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%" & _
"99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0" & _
"%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%" & _
"E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8" & _
"%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%" & _
"E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94")
$oTable = _IETableGetCollection ($oIE,1)
$aTable = _IETableWriteToArray ($oTable, True)
_ArrayDisplay( $aTable)
ไล่ดูแล้วปรากฏว่าตารางแรกไม่ต้องดึงออกมา และตารางสุดท้ายก็ไม่จำเป็น สรุปแล้วเราจะดึงเอาข้อมูลจากตาราง 1 ถึง 39 เท่านั้น ทดลองเขียนคำสั่งดึงเอาตาราง 1 ถึง 39 ออกมาได้ดังนี้
#include <IE.au3>
#include <Array.au3>
$oIE = _IECreate("http://th.wikipedia.org/wiki/" & _
"%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%" & _
"8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD" & _
"%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%" & _
"99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0" & _
"%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%" & _
"E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8" & _
"%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%" & _
"E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94")
For $i = 1 To 39
$oTable = _IETableGetCollection($oIE, $i)
$aTable = _IETableWriteToArray($oTable, True)
_ArrayDisplay($aTable)
Next
ปัญหาที่พบคือในการดึงแต่ละตารางออกมาแสดงนั้นจะมีหัวตาราง และคอลัมน์ที่สามเป็นส่วนกินที่เราไม่ต้องการดังรูป วิธีแก้ไขแบบง่ายๆ ก็คือ ใช้คำสั่ง _ArrayDelete ลบข้อมูลในแถวแรกทิ้งไปเลย
#include <IE.au3>
#include <Array.au3>
$oIE = _IECreate("http://th.wikipedia.org/wiki/" & _
"%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%" & _
"8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD" & _
"%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%" & _
"99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0" & _
"%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%" & _
"E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8" & _
"%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%" & _
"E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94")
For $i = 1 To 39
$oTable = _IETableGetCollection($oIE, $i)
$aTable = _IETableWriteToArray($oTable, True)
_ArrayDelete($aTable, 0)
_ArrayDisplay($aTable)
Next
ปัญหาถัดมาคือคอลัมน์ที่ 3 ซึ่งเป็นคอลัมน์ที่แสดง หมายเหตุ วิธีการแก้ไขปัญหาตรงนี้ก็ง่ายๆ เลยคือ สร้างตัวแปรแบบอาเรย์ที่เก็บค่าได้แค่ 2 คอลัมน์ โดยใช้คำสั่ง Dim $tb[1][2] เพื่อนำเอาข้อมูลคอลัมน์แรกและคอลัมน์ที่สองใส่ไปเท่านั้น ปัญหาสุดท้ายก็คือเราจะเอาตารางทั้งหมดมารวมกันเป็นตารางเดียวได้อย่างไร วิธีแก้ไขปัญหาก็อาศัยตัวแปรแบบอาเรย์ที่เราสร้างขึ้นมานั่นเอง โดยเอาค่าตารางที่ได้แต่ละอันจับมาใส่ในตัวแปรแบบอาเรย์นั้นครับ เพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้นต้องเขียนโค้ดแยกออกมาต่างหาก จะได้ดังนี้
For $i = 0 To UBound($aTable) - 1
ReDim $tb[UBound($tb) + 1][2]
$tb[UBound($tb, 1) - 1][0] = $aTable[$i][0]
$tb[UBound($tb, 1) - 1][1] = $aTable[$i][1]
Next
ผมจะใช้คำสั่ง for ในการวนลูป แต่จำนวนการวนแต่ละลูปจะไม่เท่ากันเพราะจะอ้างอิงขนาดข้อมูลในตารางจึงต้องใช้คำสั่ง UBound มานับข้อมูลในตาราง แต่จะติดปัญหานิดหนึ่งคือมันจะข้อมูลเป็นจำนวนไม่ใช่แถวที่อ้างอิงในอาเรย์ดังนั้นต้องใส่ –1 ต่อลงไป เพราะแถวข้อมูลในอาเรย์จะเริ่มต้นที่แถว 0 นั่นเอง
เสร็จแล้วก็เปลี่ยนขนาดของอาเรย์เดิมโดยใช้คำสั่ง ReDim คือ
ReDim $tb[UBound($tb) + 1][2]
เพื่อปรับขนาดของอาเรย์ให้เท่ากับจำนวนข้อมูลในตาราง หลักการคือบวกเพิ่มแถวเก็บข้อมูลอาเรย์ทุกครั้งที่มีการวนลูป อีกสองแถวถัดมาคือ
$tb[UBound($tb, 1) - 1][0] = $aTable[$i][0]
$tb[UBound($tb, 1) - 1][1] = $aTable[$i][1]
จะเป็นการดึงเอาข้อมูลในตัวอาเรย์เดิมมาจับใส่ในในอาเรย์ที่เพิ่งปรับขนาด และจะเกิดปัญหาอีกอย่างหนึ่งขึ้นมาอีกคือ ในการใส่คำสั่ง For ซ้อนเข้าไปใน For เดิม การวนลูปตารางในตัวอักษรถัดไป จะทำให้เกิดการล้างข้อมูลเดิมทิ้ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเขียนแยกออกเป็นฟังก์ชัน โดยขนเอาข้อมูลอาเรย์ในลูป For ที่อยู่ในคำสั่งแรกออกไปใส่ วิธีประกาศฟังก์ชันตามปกติข้อมูลจะถูกล้างเหมือนเดิม เราจะใช้เทคนิคอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ใช้คำสั่ง ByRef ควบคุมตัวแปร $tb เพื่อให้มันเก็บข้อมูลเดิมเอาไว้เสมอเมื่อมีการเพิ่มข้อมูลใหม่เข้ามา วิธีเขียนส่งตัวแปรเข้าไปในฟังก์ชันก็เขียนดังนี้
tbsum($tb, $aTable) ส่วนหัวฟังก์ชันก็จะได้ดังนี้ (ชื่อตัวแปรไม่จำเป็นต้องเขียนเหมือนตัวแปรที่ส่งเข้าไป แต่เพื่อให้เข้าใจง่ายผมจะเขียนชื่อเหมือนเดิม)
Func tbsum(ByRef $tb,$aTable)
เมื่อนำมาแก้ไขก็จะได้ดังนี้ (ลองเอาไปรันดู)
#include <IE.au3>
#include <Array.au3>
$oIE = _IECreate("http://th.wikipedia.org/wiki/" & _
"%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%" & _
"8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD" & _
"%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%" & _
"99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0" & _
"%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%" & _
"E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8" & _
"%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%" & _
"E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94")
Dim $tb[1][2]
For $i = 1 To 39
$oTable = _IETableGetCollection($oIE, $i)
$aTable = _IETableWriteToArray($oTable, True)
_ArrayDelete($aTable, 0)
tbsum($tb, $aTable)
Next
_ArrayDelete($aTable, 0)
_ArrayDisplay($tb)
Func tbsum(ByRef $tb,$aTable)
For $i = 0 To UBound($aTable) - 1
ReDim $tb[UBound($tb) + 1][2]
$tb[UBound($tb, 1) - 1][0] = $aTable[$i][0]
$tb[UBound($tb, 1) - 1][1] = $aTable[$i][1]
Next
EndFunc
เมื่อรวมข้อมูลลงตารางได้ตามต้องการแล้ว ก็เขียนสคริปต์สำหรับบันทึกข้อมูลเก็บไว้ในไฟล์ ตรงจุดนี้ใช้คำสั่ง FileWriteLine เพื่อดึงเอาข้อมูลในอาเรย์แต่ละแถวมาเขียนลงไป ดังตัวอย่างด้านล่างนี้
$file = FileOpen("test.txt", 2)
For $i = 0 To UBound($tb) - 1
FileWriteLine($file, "ลำดับที่:"&$i+1&$tb[$i][1]&" คำที่เขียนถูกคือ "&$tb[$i][0] & @CRLF)
Next
FileClose($file)
Run("notepad.exe test.txt")
สคริปต์โปรแกรมเมื่อทำเสร็จสิ้นแล้วก็จะได้ดังตัวอย่างนี้ด้านล่างนี้ครับ
#include <IE.au3>
#include <Array.au3>
$oIE = _IECreate("http://th.wikipedia.org/wiki/" & _
"%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%" & _
"8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD" & _
"%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%" & _
"99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0" & _
"%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%" & _
"E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8" & _
"%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%" & _
"E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94")
Dim $tb[1][2]
For $i = 1 To 39
$oTable = _IETableGetCollection($oIE, $i)
$aTable = _IETableWriteToArray($oTable, True)
_ArrayDelete($aTable, 0)
tbsum($tb, $aTable)
Next
_ArrayDelete($tb, 0)
$file = FileOpen("test.txt", 2)
For $i = 0 To UBound($tb) - 1
FileWriteLine($file, "ลำดับที่:"&$i+1&$tb[$i][1]&" คำที่เขียนถูกคือ "&$tb[$i][0] & @CRLF)
Next
FileClose($file)
Run("notepad.exe test.txt")
Func tbsum(ByRef $tb, $aTable)
For $i = 0 To UBound($aTable) - 1
ReDim $tb[UBound($tb) + 1][2]
$tb[UBound($tb, 1) - 1][0] = $aTable[$i][0]
$tb[UBound($tb, 1) - 1][1] = $aTable[$i][1]
Next
EndFunc
##จบแล้วครับ##
ดึงซับไตเติลออกจาก DVD ได้ง่ายๆ ด้วย VSRip
ดึงซับไตเติลออกจาก DVD ได้ง่ายๆ ด้วย VSRip
การชมภาพยนตร์ Hi-Def (High-Definition) ในปัจจุบันมีความนิยมกันมากขึ้น แต่ปัญหาหนึ่งที่มักจะพบสำหรับคนที่ชอบดูหนัง Hi-Def ก็คือภาพยนตร์ต่างประเทศหลายเรื่องไม่มีซับฯ ภาษาไทย วิธีแก้ไขปัญหานี้แบบง่ายๆ ก็คือ การดึงเอาซับไตเติลภาษาไทยมาจากแผ่น DVD ที่ทำออกมาก่อนนั่นเอง สำหรับโปรแกรมที่ใช้ในการดึงเอาซับไตเติลออกมาจากแผ่น DVD มีหลายโปรแกรมด้วยกันทั้งฟรีและไม่ฟรี สำหรับบทความนี้ผมขอแนะนำโปรแกรม VSRip (VobSub Ripper) ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับช่วยดึงเอาซับไตเติลออกมาจากแผ่น DVD โดยเฉพาะ โปรแกรมนี้ใช้งานง่ายและเป็นฟรีแวร์ด้วย ดาวน์โหลดได้จากลิงก์ด้านล่างนี้ครับ
คลิกดาวน์โหลดโปรแกรม VSRip
วิธีการใช้งานโปรแกรม VSRip มีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดโปรแกรมขึ้นมาคลิกไปที่ปุ่ม Load IFO… จากนั้นคลิกไปยังโฟลเดอร์ VIDEO_TS ที่อยู่ในแผ่น DVD เลือกไปที่ไฟล์ VIDEO_TS.IFO (สำหรับบางแผ่นต้องเลือกไปที่ VTS_01_0.IFO)
คลิกดาวน์โหลดโปรแกรม VSRip
วิธีการใช้งานโปรแกรม VSRip มีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดโปรแกรมขึ้นมาคลิกไปที่ปุ่ม Load IFO… จากนั้นคลิกไปยังโฟลเดอร์ VIDEO_TS ที่อยู่ในแผ่น DVD เลือกไปที่ไฟล์ VIDEO_TS.IFO (สำหรับบางแผ่นต้องเลือกไปที่ VTS_01_0.IFO)
2. คลิกปุ่ม Save To… เพื่อกำหนดตำแหน่งสำหรับเก็บไฟล์ซับไตเติลที่ดึงออกมา เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next ด้านล่าง
3. หน้า Extraction settings จะปรากฏขึ้นมาดังรูปด้านล่างนี้ คลิกเลือกซับที่คุณต้องการดึงออกมาในคอลัมน์ที่สอง เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next (อย่าคลิกที่ตัวเลือกอื่นเพราะจะเป็นการเลือกดึงเฉพาะบางตอนของภาพยนตร์)
4. โปรแกรมจะทำการดึงซับไตเติลออกมาใช้เวลาครู่หนึ่ง เมื่อเสร็จแล้วก็คลิกปุ่ม Close ปิดโปรแกรมได้เลยครับ
5. ซับไตเติลที่ดึงออกมานั้นจะมีสองไฟล์คือ ไฟล์นามสกุล .idx กับ .sub เวลานำไปใช้กับโปรแกรมเล่นไฟล์ทั่วไปก็เปลี่ยนชื่อให้ตรงกับชื่อไฟล์ที่จะเล่นครับ
อีกอย่างหนึ่งที่ควรรู้ก็คือซับไตเติลที่ดึงออกมาจากแผ่น DVD นี้จะเป็นแบบรูปภาพ (ของตัวหนังสือ) คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความในซับได้ครับ ข้อดีก็คือเวลานำไปใช้ไม่ต้องกลัวปัญหาตัวยึกยือหรือสระลอยแบบซับที่เป็นไฟล์ข้อความธรรมดา
###จบแล้วครับ###
ลอดเขามา :: http://pssix.blogspot.com/2011/05/dvd-vsrip.html
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)